คอลัม

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข่าว เทคโนโลยี ความ ผิด เกี่ยว กับ คอมพิวเตอร์

วิเคราะห์ข่าว การกระทำผิดเกี่ยกับคอมพิวเตอร์

เท่ง เถิดเทิง แจ้งความกองปราบ

ฟ้องมือตัดต่อภาพผิดพ.ร.บ.คอมพ์

ภาพที่ถูกนำไปตัดต่อและเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก

ส่วนกรณีที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากใครใส่หน้ากาก เท่ง เถิดเทิง เปรียบเสมือนการต่อสู้ เพื่อนำ พันตำรวจโท ทักษิณ กลับบ้าน เท่ง เถิดเทิง ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า กรณีนี้ตนเองได้ออกมาขอโทษแล้ว และขอร้องอย่านำตนไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็สามารถประกอบอาชีพได้

ด้าน พลตำรวจตรี พิสิษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะสอบปากคำ เท่ง เถิดเทิง และตรวจสอบเนื้อหาของภาพดังกล่าว หากพบว่าผิด จะระงับการเผยแพร่ภาพ ซึ่งเข้าข่ายความผิดประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 และผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
       
ด้านเวิร์คพอยท์ เอนเทอร์เทนเมนท์ บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ดังกล่าว ได้เผยแพร่คำชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กของบริษัท มีเนื้อหาว่า หลังจากที่ได้มีผู้นำเอาภาพประกอบกับข้อความที่ไม่เหมาะสมและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงออกมาแชร์เผยแพร่นั้น ทางทีมงานขอชี้แจงว่าภาพดังกล่าวมาจากรายการชิงร้อยชิงล้านซันไชน์เดย์ เทปที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทางตลกชื่อดังซึ่งได้แสดงเป็นนักเรียนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังนั่งรถลากเที่ยวชมเมือง พร้อมกับได้บันทึกภาพที่งดงามของประเทศญี่ปุ่นเอาไว้นั่นเอง
       
“เนื่องจากว่าในช่วงเวลานี้ มีการแชร์รูปภาพประกอบกับข้อความที่ไม่เหมาะสมอันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง ทางทีมงานจึงขอชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบข้อเท็จจริงว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพจากรายการชิงร้อยชิงล้าน ซันไชน์เดย์ ออกอากาศในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมีบุคคลนำภาพจากช่วงละครสามช่า ซึ่งเนื้อหาในวันนั้นล้อละครเรื่องข้างหลังภาพ เท่ง เถิดเทิง รับบทนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่น กำลังนั่งรถลาก เที่ยวชมบรรยากาศอันแสนงดงามของประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้งได้ถ่ายรูปบรรยากาศไว้เป็นที่ระลึก
       
เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนทางรายการจึงนำภาพนิ่งช่วงละคร จากรายการชิงร้อยชิงล้าน วันดังกล่าวมาให้ดูอีกครั้ง”
       


ภาพนิ่งจากละคร ชิงร้อย ออกอากาศเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556

       
ก่อนหน้านี้เจ้าตัวต้องตกเป็นประเด็นข่าวมาแล้วครั้งหนึ่งหลังไปแสดงในงานวันเกิดของนาย “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับบอกว่า “อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน” ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้ออกมาชี้แจง โดยยืนยันว่าตนเองไม่ฝักใฝ่เรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด และการพูดดังกล่าวก็เพื่อจะเอาใจเจ้าภาพเท่านั้น


สรุปข่าว

จากข่าวข้างต้น นายพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ หรือ เท่ง เถิดเทิง เป็นผู้ได้รับความเสียหายจากกระแสวิพากษ์จิจารณ์ ในกรณีที่มีผู้นำภาพของเท่ง เถิดเทิง มาโพสต์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงมาการแชร์ภาพต่อๆกันผ่านทางเฟสบุ๊ค และภาพนั้นมีการดัดแปลงตัดต่อ และเติมข้อความในลักษณะที่หมิ่นสถาบัน โดยที่ผู้ไม่หวังดีตัดต่อภาพบางช่วงของการแสดง และนำไปเผยแพร่ต่อ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงต่อเท่ง เถิดเทิง ชึ่งการตัดต่อภาพและเผยแพร่ เข้าข่ายความผิดประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 และผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี" และจากเนื้อหาข่าวดังกล่าวผู้ที่กระทำความเสียหายนั้น ผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ดังนี้

มาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือ บางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

มาตรา 14 (1) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

มาตรา 14 (2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี โทษปรับไม่เกิน 60,000 บาท
บทวิเคระห์

เมื่อฉันเห็นข่าวนี้ ฉันเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เนื่องจากบุคคลในข่าวเป็นคนที่มีชื่อเสียง และฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะความมีชื่อเสียงของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นแรงจูงใจของผุ้ไม่หวังดี และการที่นำภาพของบุคคลอื่นมาดัดแปลง ตัดต่อ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของภาพ ทั้งด้านสังคม การงาน และสุขภาพจิต ฉันคิดว่านอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นสิ่งที่ผิดตามคุณธรรมและหลักจริยธรรมทางคอมพิวเตอร์อีกด้วยเพราะผู้กระทำความผิดได้ใช้คอมพิวเตอร์ในการละเมิดผู้อื่น จนทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย โดยการแก้ไขดัดแปลงภาพของผู้อื่น ไม่คำนึงผลที่เกิดขึ้นทางสังคม และฉันคิดว่าการทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก แม้ว่าบางครั้งภาพที่นำมาอาจเป็นคนที่เราสนิทสนมก็ตาม จากเรื่องที่เกิดขึ้นในข่าวทำให้เห็นแล้วว่า การที่นำภาพตัดต่อหรือการใส่ข้อความในทางลบ เผยแพร่ในระบบ SOCIAL ส่งผลกระทบมากมายหากผู้กระทำไม่ได้คิดให้รอบครอบ หรือขาดคุณธรรมจริยธรรม คนหลายๆคนอาจต้องเดือดร้อน เพราะในยุคปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตทำให้การส่งต่อข้อมูลไปได้เร็วมาก เพียงชั่วกระพริบตาเดียวคนอื่นก็สามารถรับรู้ข้อมูลที่เผยแพร่ได้แล้ว ก่อนที่จะกระทำการใดๆเผยแพร่ ควรคิดให้ดี สำนึกในจริยธรรม หรือขออนุญาติเจ้าของภาพเสียก่อน

http://jeeranuchpsy.blogspot.com/2013/11/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น